My Calenda

เที่ยวสัมมนา

ผมเองครับ

25 มิถุนายน 2553







ทำไมลูกไก่จึงข้ามถนน?

Albert Einstein:
หือ.. คุณทราบได้ไง ว่าลูกไก่ข้ามถนนหรือถนนเคลื่อนที่ลอดลูก ไก่กันแน่?

Isaac Newton:
1. ไก่ที่อยู่กับที่ ก็พยายามจะอยู่กับที่
ไก่ก็เคลื่อนที่ก็มีแนวโน้มจะข้ามถนน
2. มันถูกผลักโดยไก่ตัวอื่น
3. มันถูกดึงโดยไก่ที่อยู่อีกฟากหนึ่งของถนน

Stephen Hawkings:
มันถูกกำหนดมาตั้งแต่วินาทีแรกที่เกิดบิกแบงแล้ว!

Charles Darwin:
เพราะนั่นเป็นการกระทำที่สมเหตุสมผลหลังจากที่มันลงจาก ต้นไม้แล้ว ลูกไก่ตัวที่เหมาะสมที่สุดจะข้ามถนน

Bill Gates:
การที่ลูกไก่ข้ามถนนไปนั้น ไม่ใช่นโยบายของ ไมโครซอฟต์แม้แต่น้อย ขณะนี้ไมโครซอฟต์ได้อุดช่องทางที่ ลูกไก่เล็ดรอดออกไปเรียบร้อยแล้ว

Linus Torvald:
ถนนก็เหมือนกับ sex ยิ่งข้ามฟรียิ่งดี ทำไมลูกไก่จะไม่ข้าม

อคิมีดีส:
ถ้าหาคานยาวๆและจุดหมุนที่เหมาะสมให้ลูกไก่ได้ล่ะก้อ มันก็จะไม่ต้องลำบากเดินข้ามถนนเองร๊อก..

John F. Kenedy:
อย่าถามว่าลูกไก่จะข้ามถนนหรือไม่ แต่จงถามว่าถนนจะยอมให้ลูกไก่ข้ามหรือป่าว

เติ้งเสี่ยวผิง:
จะไก่ดำหรือไก่ขาวก็ไม่สำคั ขอให้ข้ามถนนได้สำเร็จก็พอ

นายพลแมคอาเธอร์:
Chickens shall return!

Neil Armstrong:
ถึงแม้ว่าจะเป็นแค่ก้าวเล็กๆของลูกไก่ตัวหนึ่ง แต่มันเป็นก้าวกระโดดที่ยิ่งให่ของมวลหมู่ลูกไก่ทั้งหลาย

นโปเลียน:
ลูกไก่เดินข้ามถนนได้ด้วยท้อง

โธมัส เอลวา เอดิสัน:
ถึงลูกไก่จะข้ามถนนไม่สำเร็จในความพยายยามหนึ่งพัน ครั้ง แรก ก็ไม่ได้แปลว่ามันล้มเหลวโดยสิ้นเชิง อย่างน้อยๆ ลูกไก่ก็รู้วิธีที่จะข้ามถนนไม่ สำเร็จ ตั้งหนึ่งพันวิธีแน่ะ

จูเลียส ซีซ่าร์:
ลูกไก่ไม่ได้ข้ามถนนเสร็จในวันเดียว

จิวยี่:
ฟ้าส่งให้ลูกไก่มาเกิด ใยต้องให้มีถนนมาขวางหน้าด้วย!

มาร์กซ์ :
ลูกไก่ธรรมดาต้องใช้แรงงานในการเดิน ส่วนลูกไก่ศักดินา ซีพี กับได้นั่ง รถขนไก่ไป ลูกไก่กรรมาชีพ จงลุกขึ้นปฏิวัติ

มหาตมะ คานธี:
ถึงผมจะไม่เห็นด้วยกับการที่ลูกไก่จะข้ามถนน แต่ผมยินดีที่จะ สละชีวิตของผม เพื่อปกป้องสิทธิของลูกไก่ในการที่จะข้ามถนน

ผู้พันแซนเดอร์ แห่ง KFC :
เราคัดเลือกไว้แต่ไก่เนื้อพันธ์ดี รุ่นกระทง ลูกไก่เล็กๆ เราไม่สนใจจะเอามาทำ เราจึงปล่อยมันเดินข้ามถนน

เจ้าสัวธนินทร์ เจียรวรานนท์ :
อย่าคิดแค่ว่าเป็นลูกไก่ข้ามถนนสิ แต่ที่นี่ CPF เราคิดว่า มันเป็นเส้นทางตัดผ่าน โรงอาหารของคนทั้งโลก

ทักษิน :
ผมไม่รู้ ว่าลูกไก่มันข้ามถนนทำไม แต่ถึงการข้ามถนนนี้จะผิด มันก็เป็นความผิดโดยสุจริต ไร้เดียงสา

ชวน หลบภัย:
อัน นี้ตามหลักการ ถ้า ลูกไก่ จะข้ามถนน มันก็เป็นสิทธิอันชอบธรรม ของลูกไก่ ที่สามารถ ทำได้ภายใต้กรอบ บัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญ นะคะรับ

เฉลิม ฝั่งธน:
ไหนๆๆนาย ลูกไก่ตัวไหนที่จะเดินข้ามถนน มันอยู่สังกัดไหนหือออออ อ๋อลูกไก่คอกเดลินิวส์เหรอ เลวๆๆๆๆ นายตัวนี้เลว

น้าหมัก ชมภู่:
ผมว่านะ นายลูกไก่ นี่ถ้ายังขืนปล่อยให้มันเดินข้ามถนนอย่างนี้ตายแหงๆ ผมกะว่า ปีงบประมาณหน้าผมจะใช้เงิน สองร้อยแปดสิบสี่ล้านสามแสนสองหมื่นเจ็ดพันแปดสิบสี่บาท ทำอุโมงค์ ลอดถนนยาว สามสิบสองเมตร เจ็ดสิบแปดเซนติเมตร ให้มันเดินรอด อย่างนี้พวกคุณว่ามันปลอดภัยกว่ามั้ย ล่ะ

บิ๊กจิ๋วหวานเจี๊ยบ:
โถๆ หนู ลูกไก่ที่ไหนกันข้ามถนน ไม่มีหรอก ที่หนูเห็นน่ะมันแค่ออกมาเดินเล่นริมถนนเท่านั้นแหละจ้ะ

คลินตัน :
No. I didn't not have sexual relationship with that chicken!

เผ่าอินเดียนแดง :
ไม่มีอะไรภายใต้ดวงอาทิตย์นี้ที่ลูกไก่จะทำไม่ได้

ขงจื๊อ :
เพราะบรรพบุรุษของมันข้ามถนนมาก่อนหลายชั่วไก่

เหลาจื๊อ :
ถ้าถนนนั้นมีชื่อล่ะก็ สิ่งที่ลูกไก่ข้ามก็ไม่ใช่ถนน

จางจื๊อ :
จริงๆ แล้ว ข้าฯ เป็นลูกไก่ที่กำลังฝันว่าเป็นคนรึเปล่านะ

โจโฉ :
ข้าฯ ยอมให้ลูกไก่ข้ามถนน ดีกว่าให้ถนนข้ามลูกไก่

'รงค์ วงษ์สวรรค์ :
นาทีนั้น นางไก่สาวกำดัด กำลังสะดิ้งกาย ย้ายฝ่าเท้าลามเลียไปตามถนนสายพิศวาส สำออย !!!

บาซู :
ชูไม้ชูมือ ส่ายสะดือเจี๊ยบไปเจี๊ยบมา

Liverpool :
Chicken will never walk across the steet alone.

Anonymous(0) :
คงเป็นเพราะว่าลูกไก่เพิ่งดื่มเหล้า Red Label มามั้งครับมันเลย " Just walking "

Yoda :
Use his force, the chicken did. and you!, what about you, young jedi?
you must control your mind.....

Arnold Schwartzenegger :
He'll be back!

กาลิเลโอ :
พวกท่านมีใครเคยลองหาปริมาตรของลูกไก่หรือยัง ถ้ายัง - ลองไปอาบที่เจ้าพระยาสิ ท่านจะได้ความคิดดีดี

Vincent Van Gogh :
That chicken can cross the street without any ear(pinna), so do I.

การทางพิเศษ :
ตลอดเวลาหลายสิบปี การทางพิเศษได้ทุ่มเททั้งแรงกาย แรงใจ เพื่อสานฝันให้กับทุกย่างก้าวของลูกไก่ บัดนี้ ถึงเวลาแล้ว
ที่ลูกไก่ จะต้องข้ามถนนเพื่อต่อเส้นทางการเดินของมัน...ให้ยาวไกลยิ่งขึ้น นี่ไม่ใช่การเพิ่มภาระหรือทรมาน แต่เป็นการกำหนดหน้าที่ในการเดินทางรูปแบบใหม่ ซึ่งลูกไก่...ไม่เคยรู้

การเปลี่ยนแปลง



ในหลายๆ ครั้งที่เราจำเป็นต้องเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

แต่ก่อนที่การเปลี่ยนแปลงนั้นจะมาถึง สิ่งที่ถึงตัวเราก่อนมักจะเป็นความกลัว

กลัวที่จะเกิดการเปลี่ยนแปลง ทั้งที่บางทีเราก็ไม่ทราบว่า
ฉากต่อไปของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจะเป็นอย่างไร

เคยอ่านเจอเรื่องสั้นเรื่องหนึ่ง แต่หาต้นฉบับไม่เจอแล้ว
เล่าถึงเรื่องราวของหญิงสาวคนหนึ่งที่ใช้ชีวิตอยู่ในเมืองเล็กๆ เมืองหนึ่ง

หล่อนอาศัยอยู่ในบ้านหลังเล็กนี้มานานตั้งแต่เด็ก หน้าบ้านของหล่อนมีต้นไม้
ใหญ่แผ่กิ่งก้านสาขา จนทำให้บริเวณนั้นดูร่มรื่นเป็นพิเศษ

และแล้ววันหนึ่งเมื่อต้นไม้นั้นพ่ายแพ้แก่กาลเวลา
กิ่งก้านที่เคยร่มเย็นกลับก่อให้เกิดความยุ่งยากขึ้น
เมื่อมันหักและหล่นใส่บ้านข้างเคียงบ่อยๆ จนกระทั่ง
เป็นปัญหาถึงขั้นที่จะต้องโค่นล้มต้นไม้ใหญ่นั้นทิ้ง

หลังจากหญิงสาวทราบว่าไม่สามารถจะคงต้นไม้นี้ไว้ได้
หล่อนถึงกับกังวลถึงสิ่งที่จะเกิดขึ้นตามมา

ต่อไปนี้ จะเอาร่มเงาจากไม้ใหญ่ที่ไหนคอยกำบังแดดฝน

ไม่มีภาพที่เคยมีอีกแล้ว ยามมองออกไปนอกหน้าต่าง ยิ่งคิดไปต่างๆ นานา

ก็ยิ่งให้รู้สึกเสียดายไม้ใหญ่นั้น ยิ่งวันที่ต้องตัดต้นไม้นั้น

หล่อนได้ยินคำพูดจากเพื่อนของเธอที่ต้องการปลอบใจว่า
“อย่าเสียดายกับสิ่งที่เสียไป จงตื่นเต้นและยินดีกับสิ่งที่กำลังจะตามมา”

แน่นอนว่าตอนนี้ไม่มีคำพูดใดๆ เจาะไชเข้าไปถึงตัวเธอๆ ได้
วันเวลาผ่านไปเป็นสัปดาห์ ชีวิตของเธอหลังต้นไม้ใหญ่ถูกโค่นเริ่มเปลี่ยนแปลง

ทุกเช้าที่เธอตื่น เธอจะได้รับแสงแดดส่องเข้ามาในบริเวณห้องของเธอ
จนทำให้วันนั้นเกิดรู้สึกกระปรี้กระเปร่าขึ้นทันที เธอได้บริเวณบ้านมากขึ้น
สำหรับปลูกไม้ดอกที่อยากจะปลูกมานาน

เธอกลับเริ่มรู้สึกดีๆ กับความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น
มันไม่ได้แย่ไปอย่างที่เธอคาดไว้เสียทีเดียว ถ้าต้นไม้ใหญ่นั้นไม่ถูกโค่นลง
วันนี้เธอคงไม่ได้เห็นภาพเด็กๆ วิ่งขึ้นลงรถรับส่งโรงเรียนอย่างร่าเริง
ในอีกมุมตึกถัดไปอย่างชัดเจนเช่นนี้

ตอนนี้เธอเข้าใจกับคำว่า
“อย่าเสียดายในสิ่งที่เสียไป แต่จงตื่นเต้นและยินดีกับสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้น”

เรื่องนี้บางทีคงถ่ายทอดได้ไม่ดีเท่าต้นฉบับ แต่ตอนอ่าน
พออ่านจบแล้วรู้สึกว่ามันเป็นความจริงที่ส่วนมากแล้ว
เรามักจะกลัวการเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้น ทุกอย่างมันอยู่ที่ความคิดจริงๆนะ

คนเรามักกลัวที่จะเข้าไปในห้องมืด ทั้งที่ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าในห้องนั้นมีอะไรบ้าง
แต่ไอ้ที่กลัวๆ อยู่น่ะมันอยู่ในความคิดทั้งนั้น

อย่างบางคนก็กลัวที่จะสูญเสียคนรักไป ทั้งๆ ที่ก็ไม่ได้มองหรอกนะว่าไอ้ที่กอดๆอยู่น่ะ
มันเหมาะมันดีกับเราแล้วจริงหรือ กลัวว่าต่อไปถ้าขาดเขาหรือเธอไปชีวิตจะเป็นยังไง
เดินห้างคนเดียว ไปไหนมาไหนคนเดียว กลัวเจอคนที่แย่กว่าเดิม

อะไรก็ตามที่คุณกลัวและคิดไปเรื่อย จนทำให้คุณกลัวที่จะเปลี่ยนแปลง
จนบางทียอมที่จะทนกับสิ่งที่ทำให้ชีวิตคุณ แย่ลงไปยิ่งกว่าการเปลี่ยนแปลง
คุณลองมองในอีกมุมที่หญิงสาวคนในเรื่องไม่ได้มองดูสิ มุมมองที่เป็นบวกกับชีวิตคุณ
มุมมองที่จะทำให้คุณ ก้าวต่อไปได้ด้วยความตื่นเต้นและยินดี

“อย่าเสียดายในสิ่งที่เสียไป แต่จงตื่นเต้นและยินดีกับสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้น”

หากมีเพียง 100 คนบนโลกนี้

บนโลกใบนี้มีคนมากกว่าหกพันล้านคนถ้าย่อโลกเหลือเป็นหมู่บ้านที่มีคนอาศัย เพียง100คนมันจะเป็นอย่างไร
52คนเป็นผู้หญิง
48คนเป็นผู้ชาย

89คนเป็นคนรักต่างเพศ
11คนเป็นคนรักเพศเดียวกัน

30คนเป็นเด็ก
70คนเป็นผู้ใหญ่
และ7คนในจำนวนนี้แก่แล้ว

70คนไม่ใช่คนผิวขาว
30คนเป็นผิวขาว

61คนเป็นเอเชีย
12คนมาจากยุโรป
27คนมาจากที่อื่นๆ

ใน100คนมีคนนับถือศาสนาและพูดกันหลากหลายภาษา
ในเมื่อมีคนหลากหลายเราจึงต้องยอมรับเรียนรู้และเข้าใจเขาให้ได้
จาก100คนในหมู่บ้าน20คนอดอยากแร้นแค้นขณะที่1คนกำลังจะตาย
แต่อีก15คนอ้วน....ถ้าดูทรัพสินของหมู่บ้าน 6คนมีถึง59เปอเซนกลุ่มนี้ล้วนมาจากอเมริกาทั้งสิ้นอีก74คนมีไว้39เปอเซน และ20คนเฉลี่ยกันคนละ2เปอเซน ถ้าคุณมีรถใช้แสดงว่าคุณเป็น1ใน10คนที่รวยที่สุด
75คนมีอาหารและแหล่งพักพิงกันลมกันแดดฝน แต่อีก25คนไม่มี ถ้าคุณสามารถพูดจา/แสดงออกตามความเชื่อและสามัญสำนึกของตนเองได้โดยไม่ต้อง โดนคุกคาม กังขัง ทรมานหรือถูกฆาตกรรม นั้นแสดงว่าคุณยังโชคดีกว่าอีก48คนที่ทำไม่ได้

ถ้าคุณไม่ได้อยู่อย่างหวาดกลัวกับความตายจากโดนระเบิด/อาวุธ เหยียบกับระเบิดหรือโดนข่มขืน นั้นแสดงว่าคุณยังโชคดีกว่าอีก20คน
ในจำนวนข้อความที่อ่านมาทั้งหมดที่อ่านมาดูเหมือนจะน้อย แต่อย่าลืมสิว่าเราย่อจำนวนคนจากหกพันล้านคนเหลือเพียง100คนเท่านั้น
ถ้าคุณได้อ่านข้อความนี้แสดงว่าคุณยังมีชีวิตอยู่และคุณอ่านหนังสือได้ ดังนั้นจงพึงคิดไว้เถอะว่าคุณยังโชคดีกว่าใครหลายๆคนที่ด้อยโอกาสกว่าเรา จงใช้มันให้คุ้มค่าและถูกต้องเถอะ

24 มิถุนายน 2553

[MV] เม็ดทรายในสายลม

เรื่องราวของ เวลา นาฬิกาและความรัก


เวลาไม่ได้หยุดเดินเพื่อว่าจะรอใครบางคน แต่เวลาเป็นเพียงแค่มันเดินไปเรื่อยไม่หยุด หรือถ้าหยุดก็ต่อเมื่อถ่านมันหมด มันก็เหมือนกับความรักแหละ เดินไปตามเข็มเวลา เป็นเหมือนนาฬิกาเดินไปเรื่อย ไม่รู้ว่าวันไหนจะหยุดเดิน หรือถ้ามันหยุดเดิน ถ้าความรักยังมีให้กันอยู่ก็ใส่ถ่านใหม่ แค่นี้มันก็เดินเป็นปกติแล้ว หรือคิดอีกแง่หนึ่งคือ ถ้าใส่ถ่านใหม่มันก็เหมือนความรักของเราเพิ่งเริ่มต้นใหม่อีกครั้ง แต่ใครจะรู่ไหมว่าระหว่างที่เข็มนาฬิกามันเดินไปเนี่ยะ เรื่องราวความรักเป็นอย่างไร บางคนก็อาจมีสะดุดกันบางเทียบกับ นาฬิกาที่อยู่ดีๆมันเกิดแฮงค์ขึ้นมา ถ้าไม่รีบซ่อมมันก็เสีย เทียบกับความรักถ้าเกิดรักร้าว ถ้าไม่มีการประนีประนอม หรือ อ่อนต่อกัน หารู้ไม่แล้วความรักจะจบสิ้นไป หรือบางครั้งการที่ใส่ถ่านใหม่อาจเป็น สัญญาณที่ว่าถ่านไฟเก่ายังร้อนรอวันรื้อฟื้น เมื่อใส่ไปแล้ว เข็มนาฬิกามันอาจเริ่มเดินได้ดีขึ้น มันเหมือนกับการที่เราสองคนได้เรียนรู้ชีวิต แล้วทั้งคู่นำมาปรับปรุงเปลี่ยนแปลงจนทุกอย่างมันลงตัว ลองคิดกันดูว่า ทุกชีวิตเกิดมาเพื่ออะไร เพื่อรอใครหรือเปล่า หรือเพียงแค่ใช้ชีวิตไปวันๆโดยไร้จุดหมาย บางคนตั้งจุดหมายไว้แล้วว่าฉันจะทำอะไรต่อไป มันก็เหมือนกับว่าเข็มนาฬิกาที่เดินนั้นมันเริ่มแกว่ง หรือว่ามันจะหลุดดีล่ะ ลองมาฟังเรื่องราวนี้กันดีกว่า มีสาวน้อยคนหนึ่ง เธออาจดูไม่ค่อยสวยในสายตาของใคร แต่เธอสวยที่สุดในสายตาของเขาคนนั้น เธอกับเขารักกัน แต่มันก็มีเรื่องเวลาของคนทั้งคู่มากั้นทางไว้ เขาก็ไม่มีเวลาไปไหน เธอก็ไม่มีเวลาไปไหนเช่นกัน แต่มีสิ่งเดียวที่เขาติดต่อกับเธอคือจดหมาย ถึงแม้ว่ามันจะเชยก็ตามเขาก็ยังทำ จนอยู่มาวันหนึ่งเธอเริ่มเบื่อกับการใช้ชีวิตความรักแบบนี้ ในความบังเอิญนั้นเธอไปเจอผู้ชายคนหนึ่ง คนที่เขาคอยเทคแคร์ได้ดีกว่าเขาคนนั้น เธอจึงเลือกตัดสินใจเลิกกับคนเก่าดีกว่า ตอนนี้เธอเลือกกับคนเก่าแล้วเธอคบกับคนใหม่ ซึ่งแรกๆเขาก็ทำดีกับเธอแหละ พอเขาได้ไปเจอหญิงคนใหม่เขาก็เริ่มออกลาย เห็นความเป็นไปของเขา เธอจึงคิดและตัดสินใจว่าเลิก แล้วจนถึงวันนี้ เธอก็มานั่งคิดว่าทำไมล่ะเราไม่รักษาของที่ดีที่สุด กับคนที่เธอรักคนแรกนั้น เขาเทคแคร์เธอดีทุกอย่าง เขาไม่เคยที่จะแสแสร้งหรือแกล้งทำเลย เธอยังคิดกับตัวเองว่าทำไมล่ะ ทำไมเป็นคนอย่างนี้ และเธอก็คิดว่าเข็มนาฬิกาจะไม่มีวันย้อนกลับไปเหมือนเก่า ถึงแม้มันย้อนได้ก็เป็นไปไม่ได้หรอกที่เขาจะกลับมาหาเราอีกครั้ง ถึงอย่างไร ก็ควรคิดซะว่านาฬิกาที่เขาซื้อมาให้มันพังไป มันพังเพราะฝีมือของเธอเอง เธอเป็นคนที่จะเลือกทำพัง แต่ตอนนี้เธอจะกลับมาประกอบใหม่ ใส่ถ่านให้มันเดินเหมือนเดิม จงคิดไว้ดีกว่านะว่า ถ้าใครมีคนที่รัก รักเขาให้นานๆ ก่อนทำไรก็คิดสักพัก แล้วตัดสินใจว่าควรทำไรต่อไป อย่าให้เหมือนกับเธอซึ่งพังนาฬิกาด้วยตัวเองแล้วนำมาประกอบใหม่ และเลือกนาฬิกาเรือนใหม่ที่มันเข้ากับตัวแต่ใส่นานๆไปก็เบื่อ อยากให้เพื่อนๆทุกคนเลือกนาฬิกาที่ดูเหมาะสมกับตัวเอง